จากเหตุการณ์ที่ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมปกครองค้นร้านบลูสตาร์คาราโอเกะ เลขที่ 39/1 ถนนสุขใจ อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยสามารถช่วยเหลืองสาวไทยใหญ่ที่โดนล่อลวงมาขายบริการได้ถึง 9 คนอายุระหว่าง 14-18 ปี จึงควบคุมตัวนางกุ้ง สาวชาวไทยใหญ่ รับว่าเป็นผู้ดูแลร้าน นอกจากนี้ยังพบว่าเป็นเครือข่ายเดียวกับอาบอบนวดนาตารีที่โดนจับกุมที่กรุงเทพฯ เหตุเกิดเมื่อกลางดึกวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในการตรวจค้นร้านคาราโอเกะดังกล่าว เจ้าหน้าที่ต้องตกตะลึงเมื่อควบคุมตัวนายหนุ่ม ชาวไทยใหญ่ ที่อ้างว่าเป็นเด็กเสิร์ฟของร้าน พบสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารหลายเล่ม และเงินสดฉบับละ 1,000 บาทเป็นบึกนับแสนบาท
เมื่อตรวจสอบสมุดบัญชี พบว่าเปิดโดยใช้ชื่อภาษาไทยและชื่อพม่ามีเงินฝากในบัญชีเล่มละกว่า 1 ล้านบาท รวมกว่า 2 ล้านบาท โดยนายหนุ่มรับว่าเงินทั้งหมดเป็นของตนเองที่มีเงินเป็นจำนวนมากเพราะไม่ได้ใช้เงิน เข้าอยู่เมืองไทยได้ 8 ปี ใช้จ่ายกับอยู่กับทางร้าน จึงมีเงินเก็บ โดยรับเงินเดือนประมาณ 6,000-7,000 บาท
อย่างไรก็ตาม การสอบสวน เจ้าหน้าที่มีข้อมูลว่านายหนุ่มทำหน้าที่เป็นคนจัดส่งเด็กสาวชาวต่างด่าวไปรับแขกตามสถานที่ต่างๆ และเงินทั้งหมดน่าจะได้มาจากการค้าประเวณีและไม่ใช่ของนายหนุ่มเอง แต่เป็นการรับเปิดบัญชีให้กับเจ้าของร้านตัวจริง
โดยเจ้าหน้าที่จะมีการตรวจสอบเส้นทางการเงินของร้าน และของบุคคลภายในร้าน ตลอดจนทรัพย์สินทั้งหมด หากพบว่ามีการเกี่ยวข้องหรือได้มาจากการค้าประเวณี สำนักงานปปง.จะทำการยึดทรัพย์สินให้ตกเป็นของแผ่นดินต่อไป ส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้อง ทั้งผู้ดูแลร้าน เด็กเสิร์ฟหรือคนเชียร์แขก หากพบว่ามีการแอบแฝงให้มีการค้าประเวณี จะถูกดำเนินคดีในข้อหาค้ามนุษย์ มีโทษจำคุกไม่ต่ำกว่า 15 ปี และยึดทรัพย์ทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในการตรวจค้นร้านคาราโอเกะดังกล่าว เจ้าหน้าที่ต้องตกตะลึงเมื่อควบคุมตัวนายหนุ่ม ชาวไทยใหญ่ ที่อ้างว่าเป็นเด็กเสิร์ฟของร้าน พบสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารหลายเล่ม และเงินสดฉบับละ 1,000 บาทเป็นบึกนับแสนบาท
เมื่อตรวจสอบสมุดบัญชี พบว่าเปิดโดยใช้ชื่อภาษาไทยและชื่อพม่ามีเงินฝากในบัญชีเล่มละกว่า 1 ล้านบาท รวมกว่า 2 ล้านบาท โดยนายหนุ่มรับว่าเงินทั้งหมดเป็นของตนเองที่มีเงินเป็นจำนวนมากเพราะไม่ได้ใช้เงิน เข้าอยู่เมืองไทยได้ 8 ปี ใช้จ่ายกับอยู่กับทางร้าน จึงมีเงินเก็บ โดยรับเงินเดือนประมาณ 6,000-7,000 บาท
อย่างไรก็ตาม การสอบสวน เจ้าหน้าที่มีข้อมูลว่านายหนุ่มทำหน้าที่เป็นคนจัดส่งเด็กสาวชาวต่างด่าวไปรับแขกตามสถานที่ต่างๆ และเงินทั้งหมดน่าจะได้มาจากการค้าประเวณีและไม่ใช่ของนายหนุ่มเอง แต่เป็นการรับเปิดบัญชีให้กับเจ้าของร้านตัวจริง
โดยเจ้าหน้าที่จะมีการตรวจสอบเส้นทางการเงินของร้าน และของบุคคลภายในร้าน ตลอดจนทรัพย์สินทั้งหมด หากพบว่ามีการเกี่ยวข้องหรือได้มาจากการค้าประเวณี สำนักงานปปง.จะทำการยึดทรัพย์สินให้ตกเป็นของแผ่นดินต่อไป ส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้อง ทั้งผู้ดูแลร้าน เด็กเสิร์ฟหรือคนเชียร์แขก หากพบว่ามีการแอบแฝงให้มีการค้าประเวณี จะถูกดำเนินคดีในข้อหาค้ามนุษย์ มีโทษจำคุกไม่ต่ำกว่า 15 ปี และยึดทรัพย์ทั้งหมด





























