และแล้ว อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็แถลงจุดยืนจุดนั่ง "ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ" อย่างที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้
ในภาพรวม คำแถลงของมาร์คส่งผลดีต่อกระแส "ไม่รับ" เพราะทำให้เห็นว่าร่างรัฐธรรมนูญมีชัยมีปัญหา ขนาด 2 พรรคใหญ่ที่เป็นศัตรูกัน "ไม่มีวันสมคบพวกโกงชาติ" ก็ยังต้องมีจุดยืนตรงกันว่า รับไม่ได้
แต่ในภาพสดๆ หลังดูจบทางเฟซบุ๊กไลฟ์ มาร์คก็รับ ก้อนอิฐไม่หวาดไม่ไหว ทั้งจากแม่ยกนกหวีด และผู้รักประชาธิปไตย มิพักต้องพูดถึงเสื้อแดงซึ่งแทนที่จะดีใจกลับด่าขรม
ทำไมหรือครับ ทำไมหลังจากดีเลย์ไป 2 วัน หัวหน้าพรรคเก่าแก่จึงแถลงจุดนั่งพับเพียบอย่างกล้าๆ กลัวๆ ทั้งกลัวขัดใจแฟนคลับ จนต้องอ้างว่าร่างรัฐธรรมนูญยังปราบโกงไม่พอ ทั้งกลัวขัดใจใครไม่ทราบ จนลงท้ายว่าขอคืนอำนาจให้ พล.อ.ประยุทธ์กลับไปร่างใหม่ เพื่อหยิบยื่นสิ่งที่ดีกว่าให้ประชาชน
ผมฟังแล้วเสียดาย อุตส่าห์โพสต์ fb เป่าตูดไว้ว่า ถ้า อภิสิทธิ์กล้าๆ ประกาศจุดยืนประชาธิปไตย ย้ำเงื่อนไข 117 ชื่อ ถ้าไม่ผ่าน คสช.ต้องให้ทุกฝ่ายร่วมกันร่างใหม่ อภิสิทธิ์จะกลายเป็น "ทั่นพู่นำ" ของกระแสไม่รับเชียวนะ แล้วถ้าประชามติไม่ผ่าน อภิสิทธิ์ก็จะมีบทบาทสูง อนาคตมีโอกาสช่วงชิงคะแนนนิยมจากคนตรงกลางๆ
ที่ไหนได้ ยี่ห้อ ปชป.ไม่เคยทำให้ผิดหวัง หลังจากไปร่วมลงชื่อกับพลเมืองผู้ห่วงใย ก็เอาแต่กลัวข้อหาจับมือเพื่อไทย หรือโดนทักษิณซื้อไปแล้ว ลูกจ๊อกในพรรคทักท้วงเซ็งแซ่ อมร วาณิชวิวัฒน์ ก็เตือนให้นึกถึงแฟนคลับ แต่ผลออกมาอย่างนี้ระวังนะครับ ระวังต่อไปเขาเชิญอภิสิทธิ์ไปพูดในมหาวิทยาลัยอาจไม่มีคนฟัง มีแต่เก้าอี้ว่างๆ
กระนั้นถ้ามองข้ามท่าทีอภิสิทธิ์ที่โดนยี้โดนก้อน อิฐ ก็จะเห็นปัญหาโครงสร้างอำนาจในร่างรัฐธรรมนูญ ที่ทำให้พรรคประชาธิปัตย์กล้าๆ กลัวๆ อย่างไรก็ไม่สามารถรับได้
โครงสร้างอำนาจในร่างรัฐธรรมนูญ มีปัญหาใหญ่ 2 ประเด็น หนึ่งคือให้อำนาจศาลองค์กรอิสระเข้มข้นยิ่งกว่ารัฐธรรมนูญ 2550 ประเด็นนี้พรรคประชาธิปัตย์ไม่คัดค้านมากนัก (อภิสิทธิ์ยังอยากให้ใช้รัฐธรรมนูญ 2550 เป็นต้นฉบับร่างใหม่ ขณะที่เพื่อไทยอยากให้ใช้ปี 40)
แต่ประเด็นที่ 2 คือบทเฉพาะกาลที่ให้ คสช.สรรหา ส.ว. 250 คน บวกคำถามพ่วงให้ ส.ว.ร่วมโหวตเลือกนายกฯ พรรคประชาธิปัตย์ไม่สามารถยอมรับได้ แม้กระทั่งรับร่างแล้วไม่รับคำถามพ่วง ก็ไม่สามารถทำได้ ถึงอย่างไร พรรคประชาธิปัตย์ก็ยังต้องอ้างตนเป็นพรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตย
นี่ไง อภิสิทธิ์ไม่ตอกย้ำให้ชัดเจนว่า พรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตยไม่สามารถยอมรับบทเฉพาะกาลและคำถามพ่วงได้ ไพล่ไปพูดเรื่องศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมืองให้อุทธรณ์ได้ ทั้งที่เป็นการปรับแก้ให้สอดคล้องหลักยุติธรรมสากล
ท่าทีพรรคประชาธิปัตย์ที่ไปเป่านกหวีดอยู่แหม็บๆ แต่กลับไม่รับร่าง สะท้อนปัญหาความพยายามหาทางออกจากระบอบประชาธิปไตย ผ่านการร่างรัฐธรรมนูญ 3 ครั้งในรัฐประหาร 2549,2557 ซึ่งไม่สำเร็จ
รัฐธรรมนูญ 2550 "รัฐประหารตุลาการภิวัตน์" ให้มี ส.ว.สรรหากึ่งหนึ่ง เพิ่มอำนาจศาลองค์กรอิสระ ยุบพรรคตัดสิทธิ จนอภิสิทธิ์ได้เป็นนายกฯ เพื่อไทยก็ยังกลับมาชนะถล่มทลาย ปัญหาก็ยังลุกลามบานปลาย
รัฐประหาร 2557 ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ 2 ฉบับ พยายามเพิ่มอำนาจที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ฉบับบวรศักดิ์ต่อเติม คปป.จนสังคมไม่ยอมรับ สปช.ต้องคว่ำเอง ฉบับมีชัยใส่บทเฉพาะกาลให้ ส.ว.สรรหาทั้งหมด พ่วงเลือกนายกฯ ได้ จนทำให้แม้แต่พรรคประชาธิปัตย์และภาคประชาสังคมอีกหลากหลายก็ยอมรับไม่ได้
ผมไม่แน่ใจว่าคำแถลงอภิสิทธิ์จะเปลี่ยนใจคนได้มากเท่าไหร่ แม่ยกนกหวีดอาจดันทุรังกามือซ้ายต่อไป เผลอๆ จะมีคนขี้ตู่ว่าเห็นไหมมาร์คไม่รับเพราะอยากให้ลุงตู่อยู่ต่อ ฯลฯ แต่ถ้าสังคมไทยใช้ปัญญาใคร่ครวญ ก็จะเห็นปัญหาการจัดระเบียบอำนาจใหม่ ซึ่งยังหาจุดลงตัวไม่ได้ ไม่ว่าผ่านหรือ ไม่ผ่าน
ถามว่าถ้าร่างรัฐธรรมนูญผ่านแล้วจะใช้บังคับอย่างไร จะไปสู่เลือกตั้งได้ไง ในเมื่อ 2 พรรคการเมืองใหญ่และกลุ่มพลังทางสังคมหลากหลายไม่เห็นด้วย
ถามว่าถ้าไม่ผ่านแล้วจะหาทางจัดระเบียบอำนาจใหม่อย่างไร ที่ไม่เป็นประชาธิปไตย แต่คนส่วนใหญ่ยอมรับได้
ทางตันทั้งนั้นนะครับ แม้ไม่ว่าทางไหนก็ยังไม่มีใครลุกฮือไล่ลุงตู่อย่างที่ปู่มีชัยพูดหรอก ไม่ว่าทางไหน คสช.ก็ยังอยู่ ต่อไป แต่จะหาทางลงอย่างไรเท่านั้นเอง







0 comments:
Post a Comment
Note: Only a member of this blog may post a comment.