โตสแจ้งกลับ "ฟ้าบาร์บี้"หมิ่น สาวงัดไลน์แฉ ยันโดนตื้บจริง

"โตส" ตั้งโต๊ะแถลง ยันไม่ได้ ทำร้ายฟ้า บาร์บี้ นางแบบ อดีต แฟนสาว อ้างถูกถีบก่อนด้วยซ้ำ และหากทำร้ายจริงจมูกหัก-ขาหักไปแล้ว ลั่นแจ้งความกลับข้อหาหมิ่นประมาท ลั่นหากยอมมาขอโทษก็จะถอนแจ้งความ ส่วนคดีทำร้ายร่างกายหากถูกอัยการฟ้องก็จะแจ้งอีกข้อหาแจ้งความเท็จ พร้อมเล่าเหตุการณ์วันเกิดเหตุยอมรับไปหาอดีตแฟนที่บ้านจริง พร้อมถามจี้เรื่องไปคบคนใหม่ ก่อนถูกทำร้าย ด้าน ฝ่ายหญิงแถลงแฉข้อความไลน์แสดงอาการหึงหวง ก่อนมาหาที่บ้าน ยันสู้คดีถึงที่สุด มีหลักฐานหมดขอให้ไปว่ากันในศาล 


วัน ที่ 25 ก.ค. ที่สตูดิโออาร์เอส ซ.ลาดพร้าว 15 นักแสดงหนุ่ม โตส-อัครัช จิตตะศิริ เปิดใจกรณีที่อดีตแฟนสาว น.ส. วิศัลย์ศยา ภคศุภกุล หรือ ฟ้า บาร์บี้ เข้าแจ้งความดำเนินคดีข้อหาทำร้ายร่างกาย ที่สน. โชคชัย และเวลาต่อมาดาราหนุ่มเดินทางรับทราบข้อกล่าวหาเรียบร้อยแล้ว

โต ส-อัครัช กล่าวว่า ที่มาแถลงข่าว เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าตนไม่ได้ทำร้าย ร่างกายน.ส.วิศัลย์ศยา แฟนเก่า โดยวันนั้นฟ้า เป็นคนนัดตนไปเจอ ซึ่งตนก็ไป แต่ไม่ได้ไปขอคืนดีอะไร เพราะเลิกกันแล้ว โดยวันนั้นเขานัดตนให้ไปรอที่หนึ่ง จนเอะใจว่าฟ้าจะออกไปไหน จึงแอบไปที่หน้าบ้านเขา โทรศัพท์ไปบอกว่าตนรออยู่หน้าบ้าน จนฟ้าขับรถกลับมา จึงถามว่าไปหาคนอื่นมาใช่ไหม แต่เขากลับให้ข่าวว่าตนไปโวยวายหน้าบ้าน ไปบีบแตรใส่ ถ้าทำอย่างนั้นจริง ทำไมยามกับตำรวจไม่มาจับตนไป

เมื่อ ถามว่าทำร้ายร่างกายฝ่ายหญิงจริงหรือไม่ โตสกล่าวว่า ตนคุยปกติ ถามฟ้าว่านัดตนออกมาแล้วไปหาคนอื่นใช่หรือไม่ แล้วก็ขับรถไปด้วยกัน ตนก็ถามแต่ว่าไปกับคนนั้นใช่ไหม จนเขาโมโห ด่าตนเรื่อยๆ แต่ก็ทำนิ่ง หูทวนลม จนเขาหมั่นไส้ และยกขาขวามาถีบ จิกหัว เหยียบหัวตนระหว่างที่ขับรถ แต่ยังมีสติเอาเท้าขวาเหยียบเบรก แล้วหักพวงมาลัยเข้าข้างทาง จับมือให้เขาหยุดแล้วดันตัวเขาออก


"จากนั้นผมบอกว่าถ้าทำ แบบนี้รถจะคว่ำตาย ถ้าจะทำอีกก็ดีถ้าตายก็ตายด้วยกัน เขาก็ด่าผม ถีบผม จากนั้นก็ขับรถเข้าบ้านจนเขาสงบสติอารมณ์ ผมไม่ได้ทำร้ายเขา ที่บอกว่าถึงบ้านแล้วตบหน้าเขา ถ้าผมทุบจริง เขาจมูกหักไปแล้ว ถ้าเหยียบหน้า เตะเขา ก็คงขาหักไปแล้ว มีเพียงอย่างเดียวคือรอยที่แขนขวา ผมอาจจะจับแน่นไป เพื่อดันตัวเขาออก แต่รอยอื่นผมไม่รู้ เขาทำอะไรรู้อยู่แก่ใจ" ดาราโตสกล่าว

เมื่อถามถึงสาเหตุที่ ทะเลาะกันจริงๆ โตสกล่าวว่า ตนรู้ทันว่าเขาไปหาคนคนหนึ่ง เขาก็บอกว่าจะเลิกยุ่งกับคนคนนั้นก็ได้ ให้ตนไปเลิกยุ่งกับผู้หญิงที่ตนคบอยู่ จะได้กลับมาเหมือน ซึ่งตนทำไม่ได้ เพราะผู้หญิงอีกคนดีกับตนมาก เรื่องนี้จึงไม่เกี่ยวว่าตนไปหึงหวงเขาเลย ส่วนที่เขาแถลง ดูแล้วก็ตลก ทำอะไรก็ผิด เป็นหน้าตัวเมียที่ออกมาแฉ ผู้หญิง ยืนยันว่าเขาสร้างเรื่องมากล่าวหาตน ไม่อยากพูดเยอะ ให้คนดูข่าวใช้วิจารณญาณตัดสินเอาเอง

โตสกล่าวอีกว่า สำหรับคดีความไปรับทราบข้อกล่าวหาที่สน.โชคชัยแล้ว ซึ่งตนปฏิเสธทั้งหมด และจะแจ้งความกลับข้อหาดูหมิ่นว่าเป็นคนไม่ดี หลอกเงินผู้หญิง ขอให้ไปสู้กันในศาล ตนมีหลักฐาน ที่หาว่าไปกักขังหน่วงเหนี่ยว แล้วจะไปกินข้าวด้วยกันและตนไปส่งบ้านได้อย่างไร แต่หากเขาอยากไกล่เกลี่ยก็พร้อม ขอให้มาขอโทษ ตนก่อน แล้วจะถอนแจ้งความ และถ้าตน ถูกฟ้อง ก็จะแจ้งความข้อหาแจ้งความเท็จอีก

เมื่อ ถามว่าสังคมมองว่าไม่แมน ทำร้าย ผู้หญิง โตสกล่าวว่า ทุกคนไม่ได้ฟังอะไร ก็คิดว่าตนเป็นแบบนั้น พ่อแม่ ผู้ใหญ่ตนก็เสียใจกับเรื่องนี้ ยืนยันว่าตนแมน ผิดก็ยอมรับ ไม่ผิดก็ไม่ยอมรับ และถ้าเขาแถลงอีกครั้ง ตนจะงัดหลักฐานเอามาโชว์เลย ให้ทุกคนเห็นว่าเป็นอย่างไร

สำหรับ ผลกระทบต่องานในวงการบันเทิง โตสกล่าวว่า ถูกพักงานหนังจากพชร์ อานนท์ 2 เรื่อง ซึ่งก็มีผลกระทบอยู่แล้ว ส่วนเรื่องฟ้า ก็คงไม่กลับไปคุยด้วย จริงๆตนยังไม่ได้คบกัน แค่คุยๆ กันเท่านั้น

ต่อมาเมื่อเวลา 18.00 น. ที่อาคารจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เพลส ย่านอโศก ฟ้า-วิศัลย์ศยา หรือ "ฟ้า บาร์บี้" นางแบบอายุ 23 ปี เปิดแถลงอีกครั้ง โดยระบุว่า ไม่ได้ตามเขาไปที่บ้าน แต่เขาโทร.มาหาก่อน แต่ไม่ได้รับ อีกครั้งตนก็บอกว่าจะออกไปข้างนอก จากนั้นก็มีไลน์ข้อความเข้ามาเนื้อหาไม่พอใจที่ไปคบคนอื่น แถมทิ้งท้ายว่าเจอกูแน่ จึงตอบกลับไปว่าถ้าเคลียร์วันนี้จบก็จบ จากนั้นโตสก็ขับรถมาหาที่บ้านตอนตี 3

ฟ้า-วิศัลย์ศยากล่าว อีกว่า เมื่อโตสมาถึงก็ถามย้ำว่าไปไหนกับใครมา เราก็ยอมรับว่าไปกับคนอื่น เพราะเลิกกันแล้วก็มีใหม่แล้ว เขาก็พูดไม่ดี แล้วก็ตบหน้า ทำร้ายร่างกายตน จากนั้นตนก็ปัดป้องแล้วก็ป้องกันตัวเอง ยอมรับว่าตามเขากลับไปที่บ้าน เพราะเขา เอาโทรศัพท์เราไป ทะเลาะกันถึงเช้า ทุกอย่างก็สงบลง เพราะเราเหนื่อย จากนั้นเขาก็ไปส่งเราที่บ้าน แต่ก็บอกแล้วว่าเรื่องทำร้ายร่างกายต้องเอาเรื่องแน่นอน

ฟ้า-วิศัลย์ ศยา กล่าวว่า ส่วนที่จะแจ้งความกลับก็ไม่รู้สึกอะไร เรามีหลักฐาน พูดความจริง ครั้งนี้ขอเป็นครั้งสุดท้ายที่จะชี้แจง ที่เหลือก็ให้ไปว่ากันในศาลดีกว่า แต่ยืนยันว่ามีพยานหลักฐานแน่นอน read more